วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

สุราแพงที่สุดในโลก

เหล้าที่เราควรรู้จักก่อนไปดูเหล้าที่แพงที่สุดในโลก!!!!!!!!!

1. 
ตากีลา (Tequila) บางคนอาจเรียกเตกีล่านะ
ตากีลาเป็นเหล้าสีขาว กลิ่นแรง หมักจากพืชที่เรียกว่า Mezcal ผลิตในประเทศเม็กซิโก ปกติตากีลาจะมีสีขาว แต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้
ปกติชาวพื้นเมืองเม็กซิโก นิยมดื่มเหล้าตากีลาโดยไม่ผสม หากแต่ก่อนดื่มจะหยิบเกลือใส่ปาก บีบมะนาวตาม แล้วจึงยกเหล้าขึ้นดื่ม เพื่อให้รสชาติของเหล้าคลุกเคล้ากับเกลือและมะนาวในปาก ในปัจจุบันนิยมนำตากีลามาทำเป็นเครื่องดื่มผสม เช่น Tequila Sunrise, Margarita เป็นต้น
เหล้าตากีลาที่รู้จักกันดีในประเทศไทย El-Toro, Cuervo, Sauza

2.วอดก้า (Vodka)
วอดก้าเป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 400 - 500 ต้นกำเนิดอยู่ในรัสเซียและโปแลนด์ สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมาก เป็นเหล้าที่หมักจากข้าวหรือมันฝรั่งผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด วอดก้าของรัสเซียหรือโปแลนด์บางชนิดนิยมแช่สมุนไพร หรือเครื่องเทศเพื่อให้เป็นเหล้ายา แต่ไม่ค่อยพบในท้องตลาดบ้านเรา
คำโฆษณาที่ว่า "It will leave you breathless" คือเมื่อดื่มวอดก้าแล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ เครื่องผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Screw Driver, Bloody mary, Vodka Martini, Salty Dog's เป็นต้น
ส่วนเหล้าวอดก้าที่รู้จักกันดีในประเทศไทย คือ Borzoi, Smirnoff, Stolighinaya

3.จิน (Gin) บางคนอาจเรียกยินนะเเต่ถ้าออกเสียงจริงจริงเรียกจิน
จิน เป็นเหล้าสีขาว ที่มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ ทำมาจากการกลั่นข้าวและผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร และผลจูนิเปอร์ เป็นที่นิยมกันมากในฮอลันดา สมัยก่อนจึงเรียกจินว่า "Dutch Courage" และได้รับการเปลี่ยนชื่อให้เรียกสั้น ๆ ว่า Gin
ปัจจุบันผลิตกันในหลาย ๆ ประเทศ กลิ่นและรสชาติก็แตกต่างกันไป เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการผลิตและส่วนผสม
- จินที่ผลิตจากประเทศฮอลันดา รสจะเข้มข้นมาก นิยมดื่มโดยไม่ผสม แต่ควรแช่ให้เย็นจัด
- จินจากอังกฤษและอเมริกา นิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มผสม ที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่น Gin Tonic, Orange Blossom, Tom Collins, Martini
จินที่รู้จักกันดีในประเทศไทย เช่น Beefeater, Gordon และ Gilbey's ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า London Dry Gin

4.แอพเพอริทิฟ (Aperitif)
แอพเพอริทิฟ คือเหล้าที่นิยมดื่มก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ จัดอยู่ในประเภทเหล้ายา นิยมมากในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี ทำจากเหล้า เหล้าองุ่น สมุนไพร และเครื่องเทศ แบ่งเป็น 3 ชนิด
3.1 เวอร์มุธ (Vermouth) เป็นเหล้ายาทำจากรากไม้ รากยาและเครื่องเทศ มีกลิ่นและรสชาติแตกต่างกันออกไป รสชาติของเหล้าเวอร์มุธคล้ายกับยาบำรุงเลือดลมของไทยมีหลายยี่ห้อ เช่น Martini, Cinzano, Barbero, Dubonet, Pimm's No.1 เป็นต้น
3.2 บิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้าที่มีรสขม นิยมดื่มแก้โรคกระเพาะ และช่วยย่อยอาหาร บางชนิดขมมาก บางชนิดขมอมหวาน เช่น Campari, Fernet Branca, Branca Menta, Angostura Bitter
3.3 อนิซ (Anis) เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำจากเมล็ดของ Anis กลิ่นหอมเย็น ๆ นิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pernod, Ricard, Pastis
เหล้าแอพเพอริทิฟ นอกจากนิยมดื่มเพื่อเป็นยาแล้ว ยังนิยมนำไปทำเครื่องดื่มผสมอื่น ๆ อีกมากมาย

5.บรั่นดี (Brandy) คิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินนะ
บรั่นดีเป็นเหล้าที่นิยมกันมาก ได้จากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์ (Wine) แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้ สี กลิ่น รส ที่ดี บรั่นดีที่มีขายตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไป แบ่งเป็น 3 ประเภท
5.1 บรั่นดีพื้นเมือง (Domestic Brandy) คือบรั่นดีที่ผลิตจากองุ่นแล้วนำมากลั่นเป็นบรั่นดีอีกที เช่น Regency Brandy, German Brandy
5.2
บรั่นดีตามมาตรฐาน ((Regular Brandy) ส่วนใหญ่เป็นบรั่นดีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
5.3 บรั่นดีเกรดสูง (Premium Brandy) เป็นบรั่นดีราคาแพงที่เก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กนาน โดยระบุคุณภาพเป็นอักษรย่อ หรือชื่อพิเศษ เช่น คอนยัค (Cognac) อาร์มายัค (Armagnac)

6.บรั่นดีผลไม้ (Fruit Brandy)
บรั่นดีผลไม้ คือบรั่นดีที่ทำจากผลไม้อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผลองุ่น ซึ่งจะให้กลิ่นรสแตกต่างกันไป แบ่งเป็น 2 ชนิด
6.1 บรั่นดีผลไม้สีขาว (White Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ โดยไม่ต้องบ่มในถังไม้ จะได้กลิ่นหอม และรสของผลไม้นั้น ๆ นิยมแช่ให้เย็นแล้วดื่มโดยไม่ผสม หรือจะนำไปผสมในค็อกเทลต่าง ๆ ก็ได้
6.2 บรั่นดีผลไม้ที่มีสี (Colour Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ แล้วนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ก ผลไม้ที่นำมากลั่น เช่น
แอบเปิ้ล เรียกว่า Apple Brandy, Calvados, Apple Jack
เชอร์รี่ " Kirschwasser, Kirsch
พลัม " Slivovits, Prunelle, Quetsch
แพร์ " Poire William
ราสเบอร์รี่ " Flamboise

นอกจากนี้ยังสามารถทำจากผลไม้อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจเรียกบรั่นดีผลไม้ประเภทนี้ว่า "Eau-devie"

7.เหล้าหวาน (Liqueur or Cordial)
Liqueur และ Cordial มีความหมายคล้ายกัน ส่วนใหญ่คำว่า Liqueur มักจะหมายถึงเหล้าหวานของประเทศแถบยุโรป ส่วน Cordial หมายถึงเหล้าหวานของประเทศสหรัฐอเมริกา
เหล้าหวาน เป็นการผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น และรสลงไปด้วย โดยจะใช้ สี กลิ่น รสของผลไม้ สมุนไพร เครื่องเทศ หรือแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของผลไม้ก็ได้ จะเห็นว่าเหล้าหวานมีสีต่าง ๆ มากมาย อาจดื่มเปล่า ๆ ผสมน้ำแข็ง ผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงาม

8.วิสกี้ (Whisky)
วิสกี้คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลายชนิดก็ได้ โดยนำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ก เพื่อให้ได้สี กลิ่น รสที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะนำมาบรรจุขวด บางชนิดยังนำไปปรุงแต่ง สี กลิ่น รสอีกครั้ง เพื่อให้ได้มาตรฐานตามความนิยมของผู้บริโภค
วิสกี้ที่นิยมาก นอกจากวิสกี้ของท้องถิ่นแล้ว วิสกี้จากต่างประเทศที่นิยมกันมากก็มี Scotch Whisky, Irish Whisky, American Whisky, Canadian Whisky ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ในด้าน กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันออกไป

9.ไวน์ (Wine)บางคนอาจเคยดื่มนะ
ไวน์ หรือที่เรียกว่าเหล้าองุ่น ที่เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
9.1 Table Wine หรือ Still Wine คือไวน์ที่หมักจากองุ่น โดยไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป ไม่มีแก๊ส ดีกรีที่นิยม 10o-13o นิยมดื่มในทุกโอกาส แต่ส่วนใหญ่ดื่มประกอบอาหาร เพื่อเจริญอาหารและชูรสชาติของอาหาร มี 3 สี
- ไวน์แดง (Red Wine) จะมีตั้งแต่สีแดงอ่อน ถึงแดงเข้ม ขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่นำมาหมักและระยะเวลาในการหมัก ส่วนใหญ่ไวน์แดงจะมีรสฝาด และให้มีรสหวานน้อยมาก เรียกว่า Dry นิยมดื่มโดยไม่แช่เย็น
-ไวน์ขาว (White Wine) จะมีตั้งแต่เหลืองซีดจนถึงเหลืองทอง ลักษณะโดยทั่วไปจะมีรสอ่อน กลิ่นน้อย ความหวานมีตั้งแต่หวานน้อยจนถึงหวานมาก ไม่มีรสฝาด นิยมดื่มโดยแช่เย็น
- ไวน์สีชมพู (Rose Wine) จะมีสีตั้งแต่ชมพูอ่อนจนถึงเกือบแดง ไวน์สีชมพูจะมีลักษณะระหว่างไวน์ขาวกับไวน์แดง คือมีความฝาดเล็กน้อยและมีรสเปรี้ยวอมหวาน จึงเป็นที่นิยม เพราะดื่มง่าย นิยมแช่เย็นก่อนดื่ม
9.2 Sparkling Wine คือไวน์ที่มีแก๊สจึงทำให้มีรสซ่ามีทั้งสีขาว ชมพูและแดง Sparkling Wine ใช้กรรมวิธีในการหมักไวน์ซ้ำเป็นครั้งที่สองภายในขวด และเก็บรักษาแก๊สนี้ไว้ จึงทำให้เกิดรสซ่า เป็นที่นิยมกันมาก จึงมีการจดลิขสิทธิ์ไว้ในชื่อ "Champagne" ของฝรั่งเศส ส่วนไวน์ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีคล้ายคลึงกันจะใช้คำว่า Sparkling Wine
แชมเปญนิยมดื่มเพื่อแสดงความยินดีต่อกัน เสิร์ฟโดยแช่เย็นจัด
9.3 Fortified Wine คือไวน์ที่เพิ่มแอลกอฮอล์ให้สูงประมาณ 18o - 19o ดีกรี จะมีกลิ่น รส และแอลกอฮอล์มากกว่าไวน์ธรรมดา แช่เย็นเพียงเล็กน้อยก่อนดื่ม

10.รัม (Rum)
รัมเป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล ผลิตมากตามหมู่เกาะฝั่งทะเลคาร์เบียนซึ่งปลูกอ้อยกันมาก แต่ก็มีผลิตจำหน่ายหลายประเทศ เช่น Puertorico, Jamaica, Barbados เป็นต้น Punch
รัมแยกตามความนิยมเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ
10.1 รัมสีขาว (White Rum) เป็นรัมที่มีสีใส บางชนิดไม่ต้องเก็บบ่ม บางชนิดต้องเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น บางครั้งเรียกว่า Silver Rum เหมาะสำหรับนำไปผสมค็อกเทลที่ไม่ต้องการให้สีเปลี่ยน
10.2 รัมสีทอง (Gold Rum) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล เป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้ารัมที่มีกลิ่น สี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม
10.3 รัมสีดำ (Dark Rum) เป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมลที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลจนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น
เหล้ารัมนิยมนำไปผสมเป็นค็อกเทลมาก ที่รู้จักกันมากคือ Rum Coke หรือ Cuba Libre นอกจากนี้ยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำผลไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เรียกว่า Punch จะเป็นเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีมากกับรัม
เหล้ารัมที่จำหน่ายจะมีดีกรีราว 40 ดีกรี แต่มีหลายชนิดผลิตให้มีดีกรีสูงมากถึง 75.5 ดีกรี หรือที่เขียนว่า 151 Proof เพื่อให้เครื่องดื่มผสมมีความแรงเพิ่มขึ้น

และแล้วก้อมาถึงเหล้าที่แพงที่สุดในโลกคือ


V
ielle Bon Secours เป็น เบียร์ แพงที่สุดในโลก ด้วยราคาขวดละประมาณ 35,000 บาทต่อขวด ( 1,000 เหรียญยูเอส ) แต่คุณไม่สามารถหาดื่มได้ทั่วไป คุณสามารถหาดื่มได้เพียงแห่งเดียวในโลก ที่บาร์ Bierdrome กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เท่านั้น

สุราแพงที่สุดในโลก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น